สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) เดือนก.พ. ขยับลง 6 เซนต์ แตะที่ 89.92 ดอลาร์/บาร์เรล เมื่อเวลา 11.15 น.ตามเวลาลอนดอนในวันนี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะหน้าผาการคลัง ของสหรัฐอาจจะชะงัก หลังจากที่ทำเนียบขาวและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐยังไม่สามารถตกลงกันได้ เกี่ยวกับมาตรการขึ้นภาษี ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีบารัค โอบามาของสหรัฐ จะวีโต้ข้อเสนอ “แผนสอง" ของนายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ที่เกี่ยวกับหน้าผาทางการคลัง หรือมาตรการปรับขึ้นภาษีและลดรายจ่ายจะมีผลบังคับใช้พร้อมกันในวันที่ 1 ม.ค. 2556 โดยข้อเสนอแผนสองของนายโบห์เนอร์คือการขยายมาตรการปรับลดภาษีในสมัย ของอดีตปธน.จอร์จ ดับเบิลยู บุชให้ครอบคลุมครัวเรือนที่มีรายได้ไม่เกิน 1 ล้านดอลลาร์ และในขณะเดียวกันจะยกเลิกเพดานภาษีสำหรับครัวเรือนที่มีรายได้สูงก ว่า 1 ล้านดอลลาร์ ทางด้านปธน.โอบามาระบุในข้อเสนอล่าสุดว่า เขาจะยอมรับข้อตกลงที่จะเพิ่มภาษีผู้ที่มีรายได้ต่อปีสูงกว่า 400,000 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 250,000 ดอลลาร์ที่เขายืนกรานในตอนแรก อย่างไรก็ตาม สัญญาน้ำมันดิบ WTI ขยับลงเพียงเล็กน้อยเนื่องจากนักลงทุนขานรับรายงานที่บ่งชี้ว่าอุปสงค์ น้ำมันดิบในสหรัฐยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงาน ของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ระบุว่าสต็อกน้ำมันในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 14 ธ.ค.ลดลง 964,000 บาร์เรล แตะที่ 371.65 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ตาม ตัวเลขดังกล่าวลดลงน้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะร่วงลง 1.1 ล้านบาร์เรล ส่วนสต็อกน้ำมันกลั่นลดลง 1.09 ล้านบาร์เรล แตะที่ 116.97 ล้านบาร์เรล ตรงข้ามกับที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่สต็อกน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้น 2.21 ล้านบาร์เรล แตะที่ 219.32 ล้านบาร์เรล มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.8 ล้านบาร์เรล และอัตราการใช้กำลังการกลั่นน้ำมันพุ่งขึ้น 1.1% แตะที่ 91.5% ตรงข้ามกับที่คาดว่าจะลดลง 0.1%