นายมาริโอ ดรากิ ประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) กล่าวภายหลังการประชุมในวันนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อของยุโรปมีแนวโน้มลดลงต่ำกว่าระดับเป้าหมาย 2% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ และยังกล่าวด้วยว่า เศรษฐกิจยุโรปจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้ง เพราะได้แรงหนุนจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งตลาดการเงินที่ฟื้นตัวขึ้น และอุปสงค์ทั่วโลกที่เริ่มปรับฐานึ้น การแสดงความคิดเห็นของนายดรากิมีขึ้นหลังจากอีซีบีมีมติตรึงอัตราดอก เบี้ยไว้ที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 0.75% ในการประชุมวันนี้ ซึ่งเป็นไปตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ นอกจากนี้ อีซีบีไม่ได้ประกาศใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเพิ่มเติม โดยมีเป้าหมายที่จะประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจและรอดูโอกาสที่เหมาะสม ก่อนที่จะเดินหน้าโครงการซื้อพันธบัตรครั้งใหม่ นอกจากนี้ นายดรากิกล่าวว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของอีซีบีกำลังจับตาดูการแข็งค่าของสกุลเงินยู โรและผลกระทบที่จะมีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยุโรป ทั้งนี้ นายดรากิกล่าวเป็นเชิงส่งสัญญาณว่า แม้การแข็งค่าของสกุลเงินยูโรในช่วงที่ผ่านมาถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ ถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุน แต่การแข็งค่าของยูโรอาจทำให้อีซีบีต้องออกมาตรการรับมือ "แม้อีซีบีไม่ได้มุ่งเน้นเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน แต่ต้องยอมรับว่าอัตราแลกเปลี่ยนมีความสำคัญอย่างมากต่อการเติบโตของ เศรษฐกิจและเสถียรภาพด้านราคา ด้วยเหตุนี้คณะกรรมการอีซีบีจึงต้องจับตาความเคลื่อนไหวของสกุลเงิน ยูโรต่อไป ตราบใดที่เรายังคงให้ความสำคัญกับการรักษาเสถียรภาพด้านราคา" นายดรากิกล่าวในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน นักวิเคราะห์มองว่า การที่ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ประกาศใช้มาตรการผ่อนคลายทางการเงินครั้งใหญ่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ภายในประเทศ ส่งผลให้สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นอย่างมากเมื่อเทียบกับเงินเยน พร้อมกับแสดงความกังวลว่าการแข็งค่าของยูโรจะส่งผลกระทบต่อการส่งออก ของ 17 ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) เพราะจะทำให้ราคาสินค้าส่งออกของกลุ่มประเทศอียูปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะบั่นทอนศักยภาพด้านการแข่งขันของอียูในตลาดการค้าโลก